หุ้นที่น่าซื้อมากที่สุดประจำเดือนเมษายน! 

เทรดเดอร์มักจะมองหาโอกาสที่ดีในตลาดหุ้น อุตสาหกรรมที่เฟื่องฟู ตอนนี้มีอยู่ 2 อย่าง โดยมีแนวโน้มที่ดีในช่วงเวลาที่จะมาถึง: หุ้นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และหุ้นธนาคาร โลกกำลังเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าท่ามกลางวิกฤตด้านพลังงานเชื้อเพลิงที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ต่อไป เราได้มีธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เป็นผู้นำธนาคารกลางในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้หุ้นธนาคารมีข้อได้เปรียบที่ดี

1. Tesla

Tesla (NASDAQ:TSLA) วางแผนที่จะแตกหุ้นเพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลโดยใช้หุ้นได้ และการแตกหุ้นครั้งล่าสุดคือเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2020 การเคลื่อนไหวนี้เป็นการแสดงของความแข็งแกร่งและความมั่นใจ ไม่ใช่ความอ่อนแอ หลังจากที่ Tesla เปิดโรงงานอย่างเป็นทางการนอกกรุงเบอร์ลิน Tesla ก็กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายแรกในยุโรป โรงงานมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทในการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น

สิ่งนี้อาจทำให้นักลงทุนซื้อหุ้นและเดิมพันกับมันได้ ด้วยการแตกหุ้นก่อนหน้านี้ หุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ราคาสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นจากการที่ราคาลดลง แนวโน้มของ Tesla เป็นไปในแง่ดี ด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักๆ สำหรับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า วิกฤตด้านเชื้อเพลิงอาจผลักดันให้เศรษฐกิจต้องพึ่งพารถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปมากขึ้น

หุ้นของ Tesla พุ่งขึ้นสู่ราคาสูงสุดในรอบกว่าสองเดือนที่ 1,079 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่มีข่าวการแตกหุ้นออกมา แต่หลังจากนั้นความนิยมก็ลดลง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าหุ้น TSLA จะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากนี้ การส่งมอบดูเหมือนจะกลับมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น และจะทำออกมาได้ดีกว่าการคาดการณ์ของ Wall Street แน่นอนว่าทั้งหมดนี้จะช่วยหนุนราคาให้พุ่งขึ้น

2. Citigroup

หุ้นธนาคารเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะ ณ ตอนนี้ และรวมถึง Citigroup ด้วยเช่นกัน ทำไมน่ะเหรอ? เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำหรับนักลงทุนในการเพิ่มหุ้นธนาคารลงในพอร์ตการลงทุนของตนเอง ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มีโอกาสมากขึ้นที่ธนาคารจะได้รับผลกำไรจากความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่พวกเขาจ่ายให้ผู้ฝากและสิ่งที่พวกเขาเรียกเก็บจากเงินกู้

ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ ควบคู่ไปกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อาจช่วยผลักดันรายรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้สูงขึ้นอีกครั้งสำหรับ Citigroup ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วงปี 2022 แม้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น และปัญหาด้านเงินเฟ้อและทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ในขณะนี้ การเดิมพันบนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ปลอดภัยในระยะยาว

ดังนั้น การซื้อหุ้น Citigroup ในตอนนี้อาจเป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุน Citigroup ยังเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวในสามธนาคารที่เป็นคู่แข่งกัน ได้แก่ Bank of America และ JPMorgan ที่มีการซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี ฟังดูเหมือนเป็นการลงทุนสุดคุ้มค่าในฝันเลยใช่ไหมล่ะ

3. General Motors

หนึ่งในบริษัทชั้นนำและทรงอิทธิพลที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์คือ General Motors โดยทั่วไปแล้ว บริษัทนี้รับออกแบบและผลิตยานยนต์ และจำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ผ่านบริการทางการเงินของ General Motors Finance ปัจจุบันนี้ GM ยังได้เพิ่มความพยายามในการใช้พลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับอีกด้วย

บริษัทได้ประกาศแผนการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในควิเบก (Quebec) มูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลิตแบตเตอรี่ที่พวกเขาต้องการ แบตเตอรี่เหล่านี้จะให้พลังงานแก่รถยนต์ไฟฟ้า เช่น Chevrolet Silverado และ GMC Hummer ด้วยการทำเช่นนี้ บริษัทก็ใกล้ที่จะบรรลุแผนการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งล้านคันในอเมริกาเหนือแล้ว

โดยรวมแล้ว ดูเหมือนว่าบริษัทกำลังมาถูกทาง และหุ้นก็มีช่องว่างให้เติบโตได้อีก ซึ่งบริษัทมีผลประกอบการที่ดีกว่าการประมาณการของกำไรต่อหุ้นในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมาอีกด้วยนะ

Author: Amira Mohey

บทความอื่นๆ จากผู้เขียนนี้

คล้ายกัน

18.03.2024 12:00 Coinbase และ Marathon ตราสารประจำสัปดาห์ (18-22 มีนาคม)

Coinbase (#COIN) มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 773 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 โดยเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อนและเกินความคาดหวังของนักวิเคราะห์

01.07.2022 16:24 เมื่อไหร่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถึงจุดต่ำสุด?

หุ้นสหรัฐฯ ได้มีช่วงครึ่งปีแรกที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 50 ปี เนื่องมาจากความพยายามของ Fed ในการควบคุมเงินเฟ้อและความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

17.06.2022 16:22 การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุด ในปี 1994 และ 2022 มีความแตกต่างกันหรือไม่?

Powell ต้องการชะลออัตราเงินเฟ้อเช่นเดียวกับที่ Greenspan ได้ทำในปี 1994 แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้